หลักการ การทำ SEO On Page ทำการตลาดออนไลน์ รองรับ Google Search แบบมืออาชีพ
VALID
21/10/2016 - 15/10/2025
ชื่อ : thaiseogroup
เบอร์โทรศัพท์ : 0962373905
อีเมล : thaiseogroup@gmail.com
Facebook :
ความรู้วิชาการหลักการ การทำ SEO On Page ทำการตลาดออนไลน์ รองรับ Google Search แบบมืออาชีพ นักทำเอสอีโอควรรู้เรื่องที่น่าสนใจ การทำ SEO On Page ทำการตลาด รองรับ Google Algorithm แบบผู้เชี่ยวชาญ มาเรียนรู้ประวัติความเป็นมาของทำ SEOซึ่งสามารถอ่านรายละเอียดได้จากเนื้อหานี้
การปรับ SEO ด้วยปัจจัย On Page ยุคปัจจุบันการทำ SEO ให้ติดอันดับกูเกิล จะต้องมุ่งเน้นคุณภาพมากกว่าเดิม การปรับเว็บด้วยปัจจัย On Page จึงมีความสำคัญอย่างยิ่งในการโปรโมทให้เว็บติดอันดับต้นๆ ของ Search Result เพราะกูเกิลต้องการเว็บที่มีบทความคุณภาพที่มีประโยชน์ต่อผู้อ่านมากที่สุด การปรับเอสอีโอเอนเพจจึงมีความสำคัญอย่างมากต่อการดันให้เว็บติดหน้าแรก Google เพราะหากสร้าง Qaulity Content ที่มีประโยชน์ต่อผู้ติดตาม Google ก็จะนำเว็บของเราไปแสดงอยู่อันดับต้นๆ ยุคนี้กูเกิลได้ปรับปรุงอัลกอริทึมตัวใหม่ที่ชื่อว่า RankBrain ซึ่งเป็นระบบ AI (Artificial Intelligence) ในการจัดอันดับด้วยระบบปัญญาประดิษฐ์ และด้วยระบบการจัดอันดับโดยใช้ RankBrain มุ่งเน้นการให้ความสำคัญกับเนื้อหาคุณภาพมากยิ่งขึ้น เว็บที่มีบทความน้อยๆ หรือมีปริมาณหน้าที่ Index ไม่มาก แต่เน้นการเพิ่มแบ็คลิงค์มากๆ จะทำอันดับได้ยากขึ้น ตรงกันข้ามกับเว็บที่มีเนื้อหาคุณภาพ และมีจำนวนหน้าเว็บที่ อินเด็กซ์ มากๆ สามารถดันอันดับได้ง่ายขึ้น การปรับให้เว็บมีบทความคุณภาพตามเกณฑ์ Quality Rater Guideline จึงมีความสำคัญอย่างมาก ซึ่งทางกูเกิลก็ได้ออกเอกสารสำหรับตรวจเช็คคุณภาพของเว็บไซต์ โดยแบ่งความสำคัญของบทความด้วยเกณฑ์ที่ Google กำหนดขึ้น หลายๆ คนพอจะเริ่มเข้าใจกันแล้วใช่หรือไม่ครับ ว่าการปรับ On Page คือ การปรับให้เว็บสนับสนุนการ
ทำ SEO โดยมุ่งเน้นที่การปรับทางด้านปัจจัยภายในเว็บเป็นหลักนั่นเองครับ และการปรับออนเพจเอสอีโอก็มีหลายอย่าง เพื่อปรับให้เว็บรองรับ Keywords ที่อยากได้ทำอันดับบน SERPs (Search Result Pages) ว่ากันว่าการปรับออนเพจที่มีประสิทธิผล จะช่วยสนับสนุนให้เว็บติดอันดับเร็ว บางคนอาจยังงงๆ ว่าแค่การปรับหน้าเว็บก็สามารถทำอันดับได้แล้วหรือ ผมขอบรรยายดังนี้ ว่า การปรับให้เว็บมีเนื้อหาคุณภาพ อย่างแรกเลย ระบบอัลกอริทึมจะรู้ได้ทันทีว่าเว็บที่เราสร้างขึ้นนั้น มีบทความคุณภาพ เพราะว่ากูเกิลมีข้อมูลมากมายอยู่ในมือ โดยเก็บรวมข้อมูลต่างๆ จากเว็บไซต์ทั่วโลก มาไว้บน Server ของ Google และเมื่อเราสร้างเว็บใหม่ๆ และได้ทำการอิมพอร์ตเข้า Search Engine Console เว็บของเราก็จะถูกกูเกิลนำไปจัดทำดัชนีบนผลการค้นหา หรือที่เรียกว่า Google อินเด็กซ์ ซึ่งการที่เราเพิ่มเว็บเข้าไปในเครื่องมือ Search Console ของกูเกิลนั้น จะทำให้กูเกิลนำเว็บของเราไปจัดทำดัชนีได้เร็วยิ่งขึ้น แน่นำว่าเว็บใหม่ควรใช้เครื่องมือตัวนี้ หรือบางทีหากไม่นำเข้าไปในเสิร์ทคอนโซลก็อาจสร้าง Links กลับเข้าหาเว็บ เพื่อทำให้ Google Bots ทำการ Crawled มาเก็บข้อมูลหน้าเว็บของเราไปอินเด็กซ์ก็ได้เช่นกันครับ การปรับหน้าเว็บไซต์ที่มีคุณภาพ จะช่วยส่งเสริมให้เว็บของเราถูกหลักของ RankBrain อีกด้วย เพราะอัลกอริทึมตัวนี้มีความสามารถในการคัดเลือกเว็บคุณภาพเพื่อนำไปจัด อันดับบน Search Result ได้เป็นอย่างดีครับ ซึ่งหลังสุดหัวหน้าปรับปรุงด้าน Search Quality ของกูเกิล ได้ออกมาอธิบายว่าการจัดอันดับเอสอีโอ ยังคงใช้ Content + Links เป็นตัวแปรหลัก และสำหรับ Top 3 กูเกิลจะใช้ Content + Linsk + RankBrain ในการจัดอันดับ ซึ่ง แสดงให้เห็นชัดว่า Content มีความสำคัญต่อการดันอันดับเอสอีโอมากๆ รองลงมาก็จะเป็นเรื่องของ Links ส่วนเว็บที่ต้องการทำให้ติดอันดับ Top 3 ก็ต้องปรับให้เว็บมีคุณภาพไปอีกขั้น คือ มีบทความคุณภาพ มีลิงค์คุณภาพ แล้วต้องสนับสนุนการจัดอันดับด้วยระบบปัญญาประดิษฐ์อีกด้วย จึงไม่ต้องแปลกใจว่าเว็บที่อยู่หน้าแรก จะขยับขึ้น ลงช้า เพราะมีการคัดเลือกคุณภาพของเว็บหลายวิธีการ เพื่อจัดอันดับเว็บที่มีคุณภาพมากที่สุดอยู่อันดับบนสุด การปรับเอสอีโอออนเพจในยุคนี้ ยังต้องทำให้เว็บรองรับ User ทุกด้าน เพราะกูเกิลออกมากล่าวอยู่บ่อยๆ ว่าต้องทำเว็บให้พึงพอใจยูสเซอร์ และสร้างประสบการณ์ที่ดีให้กับยูสเซอร์ หรือที่เรียกว่า UX (User Experience) ซึ่งเป็นเรื่องที่มีความสำคัญมากๆ และมันเกี่ยวข้องกับอันดับกูเกิล มากๆ เพราะผู้ใช้งาน ทำให้เว็บมีค่าตัวเลขต่างๆ ที่กูเกิลนำมาใช้วัดคุณภาพของเว็บดีขึ้นนั่นเองครับ ไม่ว่าจะเป็นข้อมูลในส่วนของ Search Console หรือ Analytics ล้วนแต่เป็นปัจจัยหลักที่กูเกิลนำมาใช้จัดอันดับ และเอาสถิติเหล่านั้นมาตรวจสอบคุณภาพของเว็บตามเกณฑ์ที่กูเกิลกำหนดไว้
เขียนบทความยังไงให้ถูกใจ Google วิธีการการสร้างบทความให้พอใจ Google คือ การสร้างเนื้อหาให้ครอบคลุมทั้งหมดที่สอดคล้องกับเรื่องที่กำลังนำเสนอ เช่น หากเรากำลังเขียนเนื้อหาเกี่ยวกับการทำ "อาหาร" เราก็ต้องอธิบายรายละเอียดเกี่ยวกับกรรมวิธีการทำอาหาร แต่ละเมนู รวมทั้งเขียนบรรยายเกี่ยวกับเครื่องปรุงของเมนูอาหารนั้นๆ ตลอดจนเคล็ดลับวิธีการปรุงอาหารให้อร่อย เป็นต้น คือ ต้องบรรยายให้ผู้อ่านได้รับความรู้จริงๆ และสามารถนำเอาความรู้ที่ได้จากการอ่านเนื้อหาของเรา ไปใช้ในชีวิตประจำวันได้นั่นเองครับ ยังไงก็ตามจุดสำคัญอีกอย่างของการเขียนบทความให้มีคุณภาพในมุมมองของ Google คือ การโปรโมทให้คนเข้าอ่านบทความของเรามากๆ แม้ว่าเนื้อหาจะดีแค่ไหน มีรายละเอียดลึกซึ้งขนาดเท่าใด แต่ถ้าไม่มีคนอ่านเลย หรือ มีน้อย หน้าเว็บไซต์ หรือ หน้าบทความของเราก็จะติดอันดับต้นๆ ของ Google ได้ยากครับ เพราะยุคปัจจุบัน กูเกิลเริ่มหันมาให้ความสำคัญกับผู้ใช้งาน เป็นลำดับแรก เว็บไหนก็ตามที่มีคนเข้าเว็บมากๆ ย่อมจะมีอันดับที่ดีตามมาครับ บางครั้งอาจไม่ต้องสร้างแบ็คลิงค์กลับมาหาเว็บหลักด้วยซ้ำ สรุป การสร้างเนื้อหาคุณภาพในมุมมองของ Google คือ การเขียน Content ที่มีรายละเอียดครบถ้วน รวมทั้งมีการสืบทอดประสบการณ์ที่ดีให้กับผู้อ่าน อีกทั้งต้องโปรโมทให้คนเข้าอ่านเนื้อหาปริมาณมากๆ เท่านี้ เราก็สามารถเป็น Expert Writer ในสายตากูเกิลได้แล้วละครับ
ขั้นตอนการปรับ On-Page SEO ให้เว็บ การปรับเอสอีโอออนเพจแบบง่ายที่สุด และเป็นขั้นตอนการดันอันดับแรกๆ เลยก็คือ การปรับให้ Title ของเว็บไซต์ Meta Description และ Meta Keywords รวมทั้งการเน้นคำ ข้อความ ประโยค ให้สนับสนุน Keyword ที่เราอยากได้ทำ SEO ครับ การปรับไตเติ้ลของเว็บ ควรแทรกคีย์เวิร์ดหลักที่อยากได้โปรโมทให้ติดหน้าแรก Google เข้าไปด้วย ซึ่ง ลำดับความสำคัญของ ข้อความ หรือ ประโยค ของไตเติ้ลจะเรียงจากซ้ายไปขวาครับ นั่นมีความหมายว่า หากเราต้องการเน้นคีย์เวิร์ดอะไร ก็กำหนดให้อยู่ด้ายซ้ายมือสุดไว้ครับ แต่บางครั้ง ต้องให้ความสำคัญของ การทำให้ประโยคหน้าสนใจด้วยครับ บางครั้ง การนำ Main Keyword ของเว็บไปอยู่ด้านหน้าสุด อาจไม่ทำให้ประโยคหน้าชอบ ทำให้คนเห็นแล้วอาจคลิกเข้าอ่านเว็บไซต์ลดลงได้ครับ การที่คนค้นหาแล้วเจอเว็บของเรา ไม่ว่าจะเป็นหน้าหลัก หรือหน้ารอง หากมียูสเซอร์ทำการคลิกเข้าอ่านเนื้อหาภายในเว็บ จะส่งเสริมให้เว็บไซต์ของเราได้รับแต้มข้อมูลของ Search Engine Console ในส่วนของ Analytics for Search ซึ่ง กูเกิลจะเข้าใจว่าเว็บของเราเกี่ยวกับคีย์เวิร์ดอะไรมากที่สุด และมีคนสนในคลิกเข้าเว็บของเราจากลุ่มคีย์เวิร์ดไหน เพื่อนำเว็บของเราไปจัดอันดับในกลุ่มคีย์เวิร์ดที่มีผู้ใช้งานค้นหาและคลิ กเข้าอ่านเว็บบ่อยๆ ครับ และยิ่งมีคนคลิกเข้าอ่านเว็บของเรามากเท่าไหร่ ย่อมทำให้เว็บของเรามีค่า CTR (Click Through Rate) สูงยิ่งขึ้น และค่า CTR นี่เอง ทางเจ้าหน้าที่ Google อย่าง Andrey Lipattsev ซึ่งเป็นหัวหน้าทีมปรับปรุงในด้าน Search Quality ให้สัมภาษณ์กับสื่อ Search Marketing ของอเมริกาว่า Click-through-rates as a ranking signal ซึ่งสอดคล้องกับผู้เชี่ยวชาญทางด้าน SEO อย่าง Rand Fishkin ที่ออกมาให้ความคิด พร้อมทั้งได้ทำการประเมินผลเกี่ยวกับค่า CTR ว่ามีผลต่อการจัดอันดับค่อนข้างมาก รวมไปถึงการ Click เข้าเว็บผ่านการ Search Query เป็นปัจจัยที่ทำให้ติดอันดับรวดเร็วและมีประสิทธิผล แม้ว่าทีมงานของ Google บางท่าน เช่น Gary Illyes ทำงานด้าน Standup Trends Analyst at Google หรือ Jonh Mueller ทำงานด้าน Webmaster Trends Analyst at Google. For webmaster help. ซึ่งไม่ได้อยู่ในแผนกการปรับปรุงระบบ Core Algorithm ได้ออกมาพูดว่า CTR และการคลิกเข้าเว็บไม่ได้เป็นปัจจัยในการจัดอันดับ Google Ranking แต่เมื่อหัวหน้าทีมปรับปรุงทางด้านคุณภาพของกูเกิลออกมารับรอง ก็มั่นใจว่าถูกต้องแล้ว อีกทั้งมันก็เกี่ยวข้องกับการทดลองเกี่ยวกับ SEO จากผู้เชี่ยวชาญระดับเวิร์ลคลาส หรือแม้แต่ตัวผมเอง ก็เข้าใจว่าปัจจัยเหล่านี้ส่งผลต่ออันดับดูเหมือนจะมาก และอาจเป็นปัจจัยหลักด้วยซ้ำไปครับ แม้ว่า Andrey Lipattsev จะออกมายืนยันว่า Google ยังคงใช้ Content + Link เป็นปัจจัยหลักในการจัดอันดับเอสอีโอ และจะใช้ Content + Link + RankBrain ในการจัดอันดับเอสอีโอ Top 3 ก็ตาม จากการทดลองหลายๆ ครั้ง พบว่า ปัจจัยที่ส่งผลต่ออันดับที่เร็ว แรง มีประสิทธิภาพและประสิทธิผลสูงสุด คือ จำนวน Traffic ที่เข้าสู่เว็บไซต์จากที่ตั้งที่ไม่เหมือนกันทางด้านภูมิศาสตร์ และยิ่งเป็น Google Search Traffic ยิ่งจะส่งผลให้เว็บติดอันดับกูเกิล ได้เร็วมากๆ และทราฟฟิคมีแต่จะส่งผลดีเท่านั้น แตกต่างลิงค์อาจส่งผลเสียต่ออันดับเว็บได้ หากมีการ Update Algorithm แล้วระบบอัลกอริทึมคิดว่าลิงค์นั้นๆ ด้อยคุณภาพ ก็อาจทำให้เว็บมีอันดับที่แย่ลงได้ แน่นอนถ้าเป็นทราฟฟิคจะไม่เกิดเหตุการณ์ดังกล่าว เพราะทราฟฟิคที่มาจากคนจริงๆ ย่อมจะส่งผลดีต่อเว็บเสมอ และกูเกิลจะบันทึกตัวเลขเหล่านั้นไว้ตลอดเวลา ตราบใดที่เรายังคงใช้งาน โดเนมเนม นั้นๆ อยู่ครับ เห็นไมละครับในแง่ของ SEO หากเราพูดเกี่ยวกับอะไรสักหัวข้อ มันจะแตกแขนงออกไปหลายๆ หัวข้อย่อย และหลายๆ ปัจจัย จากการทดสอบและทดลองเกี่ยวกับ SEO Factors มาสักพัก จริงๆ แล้วทดลองมาเนิ่นนานหลายปี และเห็นว่า Google มีแนวโน้นที่จะใช้คน หรือ ผู้ใช้งาน เป็นปัจจัยชี้วัดคุณภาพของเว็บไซต์ เหตุผลหลักที่ Google ทำอย่างนี้ เพราะว่านักทำ SEO สายดำ หรือที่เรียกว่า Black Hat นั้น ไม่สามารถใช้แนวทางการสแปม เพื่อให้มีคนเข้าเว็บปริมาณมากๆ ได้ อีกทั้งไม่สามารถทำให้คนค้นหาจาก Search Engine พูดง่ายๆ กูเกิลเลือกใช้ปัจจัยชี้วัดคุณภาพของเว็บไซต์ด้วยปริมาณยูสเซอร์ รวมทั้งพฤติกรรมต่างๆ ของผู้ใช้งานในเว็บหนึ่งๆ ครับ ซึ่งระยะหลังเราจะได้ยินคำว่า UX (User Experience) จากเว็บเอสอีโอต่างประเทศอยู่บ่อยๆ ครับ
การปรับ On-Page ที่ดีต้องมีบทความครอบคลุม หลายๆ คนอาจเข้าใจว่าการปรับ On-Page ที่ดี คือการปรับแต่งเฉพาะในส่วนของ Title , Meta Description และ Meta Keywords รวมไปถึงการเน้นข้อความในประโยคที่มีคีย์เวิร์ดหลักของเว็บเท่านั้นๆ จริงๆ แล้วหากเป็นเมื่อหลายปีก่อนอาจจะใช้แค่การปรับเท่าที่กล่าวมาข้างต้นก็เพียง พอแล้ว แต่การทำเอสอีโอยุคนี้การปรับแค่นี้ยังไม่เพียงพอต่อคำว่าคุณภาพในสาย ตาของ Google เพราะคำว่าคุณภาพในมุมมองของกูเกิล คือ การทำให้เว็บมีเนื้อหาที่ครบคลุมเกี่ยวกับเรื่องนั้นๆ อย่างสมบูรณ์แบบ ตลอดจนสามารถสืบทอดประสบการณ์ของผู้เขียนเข้าไปในบทความอีกด้วย เพื่อผู้ติดตามได้รับประโยชน์สูงสุดจากการอ่านข้อมูลภายในเว็บ อีกทั้งในยุคนี้เราไม่จำเป็นต้องเน้นคำ หรือ ข้อความ มากมาย คล้ายเมื่อก่อน Google ก็เข้าใจได้ว่าเรากำลังสร้างเนื้อหาเกี่ยวกับอะไร และอยากได้นำเสนอให้กับผู้เยี่ยมชมในกลุ่มไหน คีย์เวิร์ดอะไร และใครบ้างควรได้อ่านบทความของเรา ซึ่งเรื่องพวกนี้กูเกิลเขาพัฒนาระบบอัลกอริทึมและระบบปัญญาประดิษฐ์มารองรับ การสร้างเว็บของเรา เพื่อออกสู่สายตาผู้ใช้งานทั่วไปอยู่แล้วครับ ขึ้นอยู่กับเราว่าจะเขียนบทความได้ดีเท่าใด ถูกใจกูเกิลและผู้เยี่ยมชมมากน้อยเพียงใด เพราะยูสเซอร์คือผู้บอกให้กูเกิลทราบว่าเว็บเรามีคุณภาพหรือไม่ จากข้อมูลคนเข้าเว็บ ระยะเวลาที่อาศัยอยู่ในหน้าเว็บ (Time Session) ค่าอัตตราตีกลับ (Bounce Rate) ปริมาณการเปิดหน้าเว็บไซต์ (PageView) ตำแหน่งของผู้ใช้งาน (Geography) ตัวเลขเหล่านี้สะท้อนถึงคุณภาพของเว็บไซต์ได้เป็นอย่างดีครับ และมุ่งมั่นห้ามคัดลอกเนื้อหาจากเว็บไซต์อื่นมาโพสต์ลงในหน้าเว็บของเราเด็ดขาด เพราะ Google จะเข้าใจว่าเว็บของเราเป็น Duplicate Content หรือเป็น Spam Content ได้ครับ หากอยากได้อ้างอิงเนื้อหาจากเว็บอื่น ให้ทำการเรียบเรียงตามความเข้าใจของเราครับ แน่นอนว่าคุณอาจเคยเจอเว็บที่คัดลอกบทความจากเว็บอื่นมาแล้วมีอันดับเอสอีโอ ที่เจ๋งกว่าเว็บต้นฉบับ เช่น Sanook , Kappok , mthai บางครั้งเว็บเหล่านี้ก็คัดลอกบทความจากเว็บอื่นมา แล้วให้เครดิตกับเว็บต้นฉบับ แต่อันดับเอสอีโอดันสุดยอดกว่า ไม่ต้องไม่เข้าใจกันครับ เพราะเว็บพวกนี้เป็นเว็บขนาดใหญ่มีจำนวนผู้ใช้งานเข้าเว็บจำนวนมากมาย มากมายก่ายกอง และด้วยปริมาณทราฟฟิคมากๆ ทำให้กูเกิลเข้าใจว่ามีคุณภาพมากกว่าครับ ยังไงถ้าเป็นเว็บใหม่ หรือเว็บไม่ใหญ่ ไม่ควรคัดลอกบทความจากเว็บอื่นมาเป็นอันขนาดครับ เพราะอาจทำให้เว็บมีอันดับร่วงไปจากเดิมได้ครับ
ปรับ On-Page ที่ดีต้องแชร์บทความไปยัง Facebook แม้ว่ายุคนี้ Google จะปรับปรุงระบบอัลกอริทึมไปอย่างรวดเร็ว มีระบบอัลกอริทึมใหม่ๆ ออกมาเยอะแยะ อีกทั้งได้พัฒนาระบบ Algorithm ให้มีขีดความสามารถในการคัดกรองคุณภาพของเว็บได้มากขึ้นเรื่อยๆ แม้ว่าการเขียนเนื้อหา
คุณภาพอย่างเดียวก็สามารถติดอันดับต้นๆ ของ Main Keyword และ Niche Keyword บ้างอาจเรียก Long tial keywords ได้ แต่ระดับการแข่งขันเอสอีโอของแต่ละคีย์เวิร์ดย่อมไม่เหมือนกันออกไป สำหรับคีย์ที่มีการแข่งขันสูงๆ และมีคนค้นหามากๆ มีตัวเลขเกิดขึ้นเยอะแยะในแต่ละวันของคีย์เวิร์ดนั้นๆ การที่เราอาศัยแค่เขียนบทความดีอย่างเดียวอาจไม่สามารถการัณตีในการทำให้ติด อันดับต้นๆ ของ Search Result ได้ครับ เพราะว่ากูเกิลไม่ได้มองแค่คุณภาพของบทความ ความยาวของบทความ ความลึกซึ้งของบทความ เพียงอย่างเดียว เพราะบางครั้งบทความที่มีรายละเอียดเยอะ แต่บางทีคนไม่ชอบอ่านก็มี Google จึงใช้ User เข้ามาตัดสินว่าเว็บไหนมีคุณภาพ บทความไหนควรอยู่อันดับแรกๆ ของ SERPs เริ่มเข้าใจกันบ้างแล้วใช่ไหมครับว่า การสร้างเว็บคุณภาพด้วยการสร้างบทความ
คุณภาพ มีความจำเป็นต้องมีคนอ่าน ยิ่งคนอ่านเยอะเท่าไหร่ ยิ่งแสดงว่ามีคุณภาพมากขึ้นเท่านั้น แม้ว่าหากเราสร้างเนื้อหาที่ดี เว็บของเราก็จะติดอันดับคีย์เวิร์ดรองหลายๆ คีย์ และผู้ค้นหาจะเจอหน้าย่อยของเราได้มากขึ้น แต่การรอให้ข้อมูลต่างๆ ที่เป็นตัวชี้วัดคุณภาพของเว็บค่อยๆ มีข้อมูลท
รูปที่เกี่ยวข้อง
รูปภาพที่เกี่ยวข้องหลักการ การทำ SEO On Page ทำการตลาดออนไลน์ รองรับ Google Search แบบมืออาชีพ
สิ่งที่ควรรู้ การทำ SEO On Page โปรโมทเว็บไซต์ สนับสนุน Google Search แบบกูรูอ้างอิงจาก: ทำ SEOแท็ก: ทำ SEOหลักการ การทำ SEO On Page ทำการตลาดออนไลน์ รองรับ Google Search แบบมืออาชีพ
หมวดหมู่: Search Engine Optimizationหน้าหลัก: http://www.cmseogroup.comรายละเอียดสินค้า: http://www.cmseogroup.com/page/สูตรการทำ-SEO-แบบใหม่ติดต่อเรา: http://www.cmseogroup.com/page/คำถามก่อนจ้างทำ-SEOชื่อ: ซีเอ็ม เอสอีโอ กรุ๊ป (CM SEO GROUP)ที่อยู่: Hamony Office หมู่ 1 ตำบลสันทรายน้อย อำเภอสันทราย จังหวัดเชียงใหม่ 50210เบอร์โทรติดต่อ: 096-237-3905อีเมล์: thaiseogroup@gmail.com